ปวดท้อง เกิดจากอะไร ? ซึ่งต้องบอกเลยว่าปัญหาสุขภาพนี้เป็นอาการที่ค่อนข้างลึกลับไม่แพ้ความไม่สบายตัวและยังเป็นอาการที่พบบ่อยทำให้หลายคนต้องไปพบแพทย์ทุกปี ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้องเล็กน้อยจนถึงอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ดังนั้น การเข้าใจสาเหตุที่เป็นไปได้นั้นจึงสำคัญมากต่อการบรรเทาอาการ ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาไขสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังความเจ็บปวดนี้และให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสาเหตุของอาการปวดท้อง รวมถึงการดูแลรักษาอาการเบื้องต้นที่บ้านด้วย
ปวดท้อง เกิดจากอะไร ? สาเหตุทั่วไปที่มักจะเกิดขึ้น
1. ความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการปวดท้อง คือ ระบบย่อยอาหาร ซึ่งมีตั้งแต่ปัญหาชั่วคราว เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ จนถึงภาวะเรื้อรัง โดยสาเหตุที่พบบ่อยนั้น มีดังนี้
- ท้องอืดและอาหารไม่ย่อย : โดยก๊าซจะคั่งค้างในท้องทำให้เกิดอาการไม่สบายและปวด นอกจากนี้ การกินมากเกินไปหรือรับประทานอาหารบางชนิด เช่น ถั่ว หรือเครื่องดื่มที่มีก๊าซ สามารถทำให้เกิดอาการนี้ได้ หากคุณมักจะมีอาการท้องอืดบ่อย ๆ คุณอาจสนใจบทความนี้ วิธีบรรเทาอาการท้องอืด
- แพ้อาหาร : บางคนอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภท เช่น แลคโตส ทำให้เกิดอาการปวดหลังรับประทานอาหารเหล่านั้นได้
- ท้องผูก : ท้องผูกเป็นอีกปัญหาทางเดินอาหารที่พบบ่อย ซึ่งการขับถ่ายลำบากทำให้เกิดอาการปวดท้องและไม่สบายตัว
2. การติดเชื้อและอาการอักเสบ
การติดเชื้อในทางเดินอาหารทำให้เกิดอาการปวดได้ โดยภาวะต่าง ๆ ที่มักจะเกิดขึ้น คือ กระเพาะลำไส้อักเสบ เนื่องจากภาวะนี้มักเกิดจากไวรัส สามารถทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงได้
นอกจากนี้ การอักเสบของไส้ติ่งหรือที่เรียกว่า ‘ไส้ติ่งอักเสบ’ สามารถทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง โดยมักจะเริ่มบริเวณสะดือแล้วเคลื่อนไปยังช่องท้องด้านขวาล่าง
3. ปวดประจำเดือน
สำหรับผู้หญิง อาการปวดประจำเดือนเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดท้องส่วนล่าง ซึ่งเกิดจากการที่มดลูกหดรัดตัวเพื่อทำลายเยื่อบุ
4. ความเครียด
ความเครียดมีผลต่อร่างกายในหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการทำให้เกิดอาการปวดท้อง ซึ่งมักเรียกสภาวะนี้ว่า “ปวดท้องจากความเครียด” หรือ “ปวดท้องเนื่องจากปัจจัยทางอารมณ์” ในทางการแพทย์อาจเรียกว่า “Functional abdominal pain” หรือ “Psychosomatic abdominal pain” เนื่องจากอาการปวดนี้ไม่ได้มาจากสาเหตุทางกายภาพโดยตรง แต่เกิดจากปัจจัยทางจิตใจและอารมณ์ที่ทำให้ระบบทางเดินอาหารตอบสนองไปในทางลบ โดย ความเครียดส่งผลต่อการปวดท้อง ดังนี้
- ระบบประสาทและระบบย่อยอาหาร: เมื่อคุณเครียด ระบบประสาทส่วนกลางจะเริ่มกระตุ้นการปล่อยฮอร์โมนเครียด เช่น Cortisol และ Adrenaline ซึ่งส่งผลให้ร่างกายอยู่ในสภาวะ “ภาวะสู้หรือหนี” สภาวะนี้ทำให้การทำงานของระบบย่อยอาหารช้าลง เนื่องจากร่างกายจะชะลอหรือหยุดกระบวนการย่อยอาหารเพื่อเปลี่ยนไปใช้พลังงานในการรับมือกับความเครียดแทน
- สัญญาณจากสมองถึงท้อง: สมองและระบบทางเดินอาหารมีการเชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิดผ่านสิ่งที่เรียกว่า “ระบบประสาทเอนเทอร์ติก (Enteric nervous system)” ทำให้ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เส้นประสาทเหล่านี้ปล่อยสารเคมีที่ทำให้รู้สึกปวดหรือไม่สบายท้อง
- ระบบภูมิคุ้มกัน: ความเครียดยังสามารถส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบหรือความไวต่ออาหารบางชนิด
- กล้ามเนื้อลำไส้: ความเครียดสามารถทำให้กล้ามเนื้อในลำไส้หดตัวผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการปวด บางคนอาจมีอาการเกร็งหรือตึงในบริเวณหน้าท้องเมื่อเครียด
สาเหตุที่ไม่ค่อยพบของอาการปวดท้อง แต่ไม่ควรมองข้าม
1. นิ่วในไต
แร่ธาตุแข็งที่เกิดขึ้นในไต สามารถทำให้เกิดอาการปวดเฉียบพลันโดยเริ่มจากด้านหลังและอาจลามไปถึงช่องท้องได้ หรือหากคุณมีอาการปวดท้องด้านซ้าย คุณอาจสนใจบทความนี้ สาเหตุที่ปวดท้องด้านซ้าย
2. ไส้เลื่อน
ไส้เลื่อน เกิดขึ้นเมื่ออวัยวะภายในดันออกมาทะลุจุดอ่อนของกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อ อาการปวดอาจสังเกตได้โดยเฉพาะเมื่อก้มตัว ไอ หรือยกของ
3. แผลในกระเพาะอาหาร
แผลในกระเพาะอาหาร คือ แผลบริเวณผิวกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดแบบแสบร้อนบริเวณกระเพาะกลางหรือส่วนบนได้
การจัดการและทำความเข้าใจอาการปวดท้อง
1. การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
บ่อยครั้งการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเล็กน้อยสามารถบรรเทาอาการปวดท้องที่ไม่รุนแรงได้ เช่น การปรับรูปแบบการรับประทานอาหารให้มีใยอาหารมากขึ้น ดื่มน้ำให้เพียงพอ และการลดความเครียด ล้วนสามารถส่งผลต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
2. อาหาร
ใส่ใจอาหารที่คุณรับประทาน หากอาหารบางประเภทกระตุ้นอาการปวดของคุณ ลองจำกัดหรือหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น
3. ดื่มน้ำ
การดื่มน้ำให้เพียงพอนั้นสำคัญต่อการย่อยอาหารและช่วยป้องกันอาการปวดท้องจากท้องผูกได้
ปวดท้องอย่างไรควรไปพบแพทย์
หากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่บรรเทาอาการปวดของคุณ หรือหากอาการปวดรุนแรง ยาวนาน หรือมาพร้อมกับอาการน่าเป็นห่วงอื่นๆ เป็นสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องไปพบแพทย์
1. อาการปวดรุนแรง: หากคุณมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป ควรรีบไปพบแพทย์
2. ปวดท้องต่อเนื่อง: หากปวดท้องต่อเนื่องเกิน 24-48 ชั่วโมง หรือปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรพบแพทย์
3. ปวดท้องร่วมกับอาการอื่น: ถ้าปวดท้องประกอบไปด้วยอาการอื่นๆ เช่น อาเจียน, ไข้, ท้องเสีย, หรืออุจจาระเปลี่ยนสี
4. อาการบวมท้องหรือท้องแข็ง: หากท้องของคุณบวมหรือแข็งและมีอาการปวด นี่อาจเป็นสัญญาณของการอุดตันหรือภาวะฉุกเฉินอื่นๆ
5. หลังจากได้รับบาดเจ็บที่ท้อง: ถ้าคุณมีอาการปวดหลังจากได้รับบาดเจ็บที่บริเวณท้อง ควรไปพบแพทย์ทันที
6. การลดน้ำหนักไม่ทราบสาเหตุ: หากมีอาการปวดท้องร่วมกับการลดน้ำหนักอย่างไม่สมเหตุสมผล
7. อาการปวดท้องเฉพาะที่: ถ้าอาการปวดท้องเกิดขึ้นที่จุดเฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาเฉพาะอวัยวะ
วิธีดูแลรักษาอาการปวดท้องที่บ้าน
- พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด
- ทานอาหารที่ย่อยง่ายและหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ดื่มน้ำมากๆ และรักษาการออกกำลังกายเป็นประจำ
- ใช้ยาแก้ปวดหรือยาลดกรดตามที่จำเป็นและเหมาะสม
โดยสรุปแล้ว อาการปวดท้องเป็นปัญหาที่พบบ่อยและมีสาเหตุหลากหลาย ตั้งแต่ความผิดปกติทางการย่อยอาหารเช่น ท้องอืด ระบบย่อยอาหารผิดปกติ และท้องผูก ไปจนถึงการติดเชื้อและอาการอักเสบ เช่น กระเพาะลำไส้อักเสบและไส้ติ่งอักเสบ แต่ผู้หญิงอาจเกิดอาการปวดท้องจากปวดประจำเดือนร่วมด้วย ขณะที่ปัญหาที่พบได้น้อยกว่าเช่น นิ่วในไต หูรูด และแผลในกระเพาะอาหาร ก็สามารถส่งผลต่อเพศชายและหญิงได้เช่นกัน
เพื่อรับมือกับอาการปวดท้องเล็กน้อย การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การพักผ่อน ประคบความร้อน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และลองยาบรรเทาอาการท้องอืดหรือแสบร้อนที่ซื้อทั่วไปได้ อาจช่วยได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวัง หากอาการปวดรุนแรงขึ้น เรื้อรัง หรือมีอาการติดต่อกัน สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์ จำไว้ว่าการดูแลสุขภาพของทางเดินอาหารนั้นเป็นก้าวสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม
คําถามที่พบบ่อย
1. อาหารทั่วไปที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องคืออะไรบ้าง?
อาหารที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องทั่วไป ได้แก่ อาหารที่มีไขมันสูง อาหารเผ็ดร้อน ผลิตภัณฑ์นมสำหรับคนแพ้แลกโตส และอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซ เช่น ถั่ว และผักบางชนิด
2. ความเครียดสามารถทำให้เกิดอาการปวดท้องได้หรือไม่?
ความเครียดสามารถมีส่วนทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ เนื่องจากมันทำให้กล้ามเนื้อที่ท้องบีบแน่น นำไปสู่อาการไม่สบายตัว
3. จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการปวดท้องรุนแรง?
หากอาการปวดรุนแรง ยาวนาน หรือมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น ไข้ อาเจียน หรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้ จำเป็นต้องไปพบแพทย์
4. มีวิธีรักษาอาการปวดท้องเล็กน้อยที่บ้านได้หรือไม่?
วิธีรักษาอาการปวดท้องเล็กน้อยที่บ้าน ได้แก่ การพักผ่อน ประคบความร้อน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และลองใช้ยาบรรเทาอาการท้องอืดหรือแสบร้อนที่ขายทั่วไป
อ้างอิง :
- “Abdominal Pain”, My.clevelandclinic, November 4, 2023, https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/4167-abdominal-pain
- “Abdominal pain in adults”, Betterhealth, November 4, 2023, https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/conditionsandtreatments/abdominal-pain-in-adults
- Chris Young, “What’s Causing Your Abdominal Pain and How to Treat It”, December 6, 2021, https://www.healthline.com/health/abdominal-pain
- “Abdominal pain”, Healthdirect, November 4, 2023, https://www.healthdirect.gov.au/abdominal-pain